พญ.ภาวสุทธิ์ สุภาสัย ภาควิชาจักษุวิทยา คณะแพทยศาสตร์ ม.ขอนแก่น กล่าวว่า โรคต้อหินเป็นโรคตาที่มีความสำคัญ เนื่องจากเป็นสาเหตุของตาบอดอันดับสองรองจากโรคต้อกระจกและส่วนใหญ่ของผู้ที่เป็นโรคนี้ไม่มีอาการและไม่รู้ตัวว่าเป็นจนกว่าโรคจะเป็นในระยะท้ายๆ แล้ว เปรียบเสมือนภัยเงียบที่อยู่ในดวงตาของเรา ในขณะนี้มีคนเป็นต้อหินทั่วโลกถึงประมาณ 67 ล้านคน และประมาณการว่าในอีกสิบปีข้างหน้า จะมีคนเป็นต้อหินมากถึง 80 ล้านคน และจะมีคนตาบอดจากต้อหินถึงกว่า 11 ล้านคน ที่สำคัญคือผู้ป่วยที่เป็นต้อหินเป็นประชากรในทวีปเอเชียถึง 47%
พญ.ภาวสุทธิ์กล่าวว่า ในประเทศไทยมีการสำรวจล่าสุดในปี 2549-2550 โดยโครงการสำรวจสภาวะตาบอด สายตาเลือนราง และโรคตาที่เป็นปัญหาสาธารณสุข โดยทำการสำรวจประชากรที่มีอายุมากกว่า 40 ปีขึ้นไป จำนวนกว่า 15,000 คน ใน 21 จังหวัดทั่วทุกภาค รวมทั้งกรุงเทพมหานครด้วย พบว่ามีความชุกของต้อหินประมาณ 4% ซึ่งดูอาจจะเป็นตัวเลขที่ไม่สูงนัก แต่ถ้าลองคิดดูว่าในจังหวัดขอนแก่นที่มีประชากร 1.75 ล้านคน จะมีผู้ป่วยที่อาจเป็นต้อหินถึง 70,000 คน เฉพาะในอำเภอเมืองซึ่งมีประชากรประมาณ 2 แสนกว่าคนจะมีผู้ป่วยที่อาจเป็นต้อหินมากกว่า 8,000 คน และส่วนใหญ่ในจำนวนนี้ไม่รู้ตัวว่าเป็นโรคนี้อยู่ นับว่าเป็นปัญหาที่มีความสำคัญไม่น้อย
พญ.ภาวสุทธิ์กล่าวอีกว่า ด้วยความสำคัญดังกล่าว ภาควิชาจักษุวิทยา คณะแพทยศาสตร์ ม.ขอนแก่น จึงได้จัดงานสัปดาห์ต้อหินโลกประจำปี 2559 ณ ห้องตรวจเบอร์ 5 รพ.ศรีนครินทร์ ม.ขอนแก่น ขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้ โดยร่วมมือกับทางโรงพยาบาลกรุงเทพขอนแก่น โดยมีวัตถุประสงค์หลักให้มีการตื่นตัวและทราบถึงความสำคัญของการตรวจตาในเวลาที่เหมาะสม นอกจากนี้ยังมีวัตถุประสงค์รองในการที่จะให้ความรู้เรื่องโรคต้อหินและสร้างความตระหนักถึงภัยอันตรายของโรคนี้แก่ประชาชนทั่วไป โดยเฉพาะเขตอีสาน ที่สำคัญอีกประการหนึ่งคือการรณรงค์ให้มีการตรวจสุขภาพตาอย่างสม่ำเสมอเพื่อจะได้พบโรคต้อหินแต่เนิ่นๆ เนื่องจากโรคต้อหินไม่สามารถจะรักษาให้กลับเป็นปกติได้ แพทย์เพียงแต่สามารถจะรักษาให้ไม่แย่ลงกว่าเดิมเท่านั้น
ขอขอบคุณภาพและข่าว